About
 
To boost your bussiness take a digital tip everyday in the morning and in the evening

พาธุรกิจของคุณไปข้างหน้าทุกวันด้วย 10 แนวทางการตลาดดิจิทัล

ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ไม่อาจหยุดหยั้งได้ในปัจจุบัน ทำให้การตลาดดิจิทัลกลายเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญสำคัญที่เจ้าของธุรกิจทุกคนไม่อาจมองข้ามได้ คู่แข่งทางธุรกิจมากมายที่พยายามในหลากหลายวิธีการเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ชมบนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ รวมถึงผลกำไรมหาศาลเป็นจุดหมายปลายทาง แต่มีเพียงแค่ไม่กี่รายเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ

นั่นเป็นเพราะว่านอกจากความมุ่งมั่นแล้ว พวกเขารู้ว่าจะใช้กลยุทธ์ไหนเพื่อพาตนเองไปสู่ความสำเร็จในโลกการตลาดดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้คุณได้เฉิดฉายบนโลกออน์ไลน์ Pimclick ขอเสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์ ซึ่งเป็นแนวทางเราและสุดยอดบริษัทเอเจนซีอีก 30 แห่งทั่วโลกใช้เพื่อให้ลูกค้าแบรนด์ต่างๆ ของเราเป็นที่จดจำอย่างที่ไม่มีใครลืมเสมอมา

1.ออกแบบเว็บไซต์บนหน้าจอโทรศัพท์ให้ตอบสนองต่อผู้ใช้งาน
ในปี 2019 มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลกถึง 53% นั่นหมายความว่าคุณจำเป็นต้องมีเว็บไซต์สำหรับธุรกิจของคุณเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของผู้ใช้งาน

จากงานวิจัยของกูเกิลเผยให้เห็นว่าคนจำนวนทั้งหมด 49% จะไม่ซื้อสินค้าจากแบรนด์หนึ่งอีกหากพวกเขามีประสบการณ์ที่ไม่ดีทางโทรศัพท์เพียงหนึ่งครั้ง หมายความว่าอย่างไรล่ะ? หากเว็บไซต์ของคุณใช้ยากเมื่ออยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ ก็เตรียมโบกลามือลูกค้าที่จะกลับมาซื้อสินค้าของคุณได้เลย

เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ชมที่ใช้งานโทรศัพท์มือถือ (รวมถึงเพิ่มอัตราส่วนในการเข้าชมเนื้อหาในเว็บไซต์) คุณต้องออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายในอุปกรณ์เคลื่อนที่ เว็บไซต์ประเภทนี้จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของเนื้อหาให้เข้ากับอุปกรณ์เคลื่อนที่แต่ละชนิดได้อย่างพอเหมาะพอดี หมายความว่าผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณจะไม่ต้องเสียเวลากับการท่องเว็บไซต์ และมีเวลากดซื้อสินค้าของคุณมากขึ้น

2.ศึกษาวิจัยและวิเคราะห์คู่แข่งของคุณ
การที่คุณรู้ว่ากำลังแข่งขันกับอะไรจะช่วยให้คุณสร้างธุรกิจของตนเองให้มีความแตกต่างบนโลกออนไลน์ ซึ่งมีความสำคัญเพราะความแตกต่างจะช่วยให้คุณโดดเด่นและจะมีคนคลิกเข้ามาดูเว็บไซต์ของคุณมากกว่าเว็บไซต์ของคู่แข่ง

สมมุติว่าคุณขายน้ำมันนวดสูตรออร์แกนิค การค้นหาบริการที่เกี่ยวข้องบนกูเกิ้ลเพียงไม่กี่นาทีก็จะช่วยให้คุณเห็นแบรนด์คู่แข่งของคุณ รวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ที่แต่ละแบรนด์ใช้

นอกจากนี้คุณยังสามารถเข้าไปดูได้อีกด้วยว่าคู่แข่งของคุณใช้ถ้อยคำ รูปภาพ และเขียนเนื้อหาในบล็อกที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันนวดในลักษณะไหน รวมถึงยังเห็นปัจจัยอื่นๆ เช่น บริการ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ และรีวิวบนโลกออนไลน์

ลองใช้ผลการค้นหาดังกล่าวในการสร้างความแตกต่างให้ตนเอง หากคู่แข๋งของคุณไม่ได้ทำเช่นนั้น คุณสามารถลองใช้บริการ Pimsheep Google Reviews เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทำการโฆษณาบนโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ หรือขายสินค้าให้หลากหลายกว่าเดิมเพื่อกระตุ้นความสนใจในวงกว้างมากขึ้น

3.เขียนบล็อกให้ยาวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การอัปเดตบล็อกโดยทั่วไปจะสามารถดึงดูดคนที่จะมาเป็นลูกค้าได้มากขึ้นจากทั่วทุกมุมโก ซึ่งการเขียนบล็อกทางธุรกิจสั้นๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีเสมอไป

บล็อกที่ดีจะสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมให้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนแชร์โพสต์นั้นๆ เป็นจำนวนมาก

การเขียนโพสต์ที่ยาวและมีรายละเอียดถี่ถ้วนลึกซึ้งจะสามารถเพิ่มโอกาสที่จะมีลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาได้ถึง 9 เท่าเมื่อเทียบกับโพสต์สั้นๆ เพราะฉะนั้น ลองคิดดูใหม่อีกรอบก่อนหากจะเขียนบล็อกให้มีความสั้นกระชับ

จำนวนคำเฉลี่ยในคอนเทนต์ยอดฮิตในกูเกิ้ลจะอยู่ระหว่าง 1,140-1,285 คำ แต่มีโพสต์ในบล็อกของบริษัทจำนวนเพียง 18% เท่านั้นที่มีความยาวเกิน 750 คำ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าคอนเทนต์ของคุณจะไม่สั้นเกินไป ขอให้เขียนโพสต์ที่มีความยาวอยู่ที่ประมาณ 1,200 คำจึงจะปลอดภัย

นอกจากนี้ คุณยังสามารถเขียนคอนเทนต์ลงในบล็อกโดยมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ รวมถึงนำเสนอรายงานที่มีการอธิบายรายละเอียดที่ลึกซึ่งและเข้าใจง่ายกว่าเดิมเป็นไฟล์ PDF เพื่อให้ผู้อ่านสามารถดาวน์โหลดได้ ไม่ว่าคุณจะเสนอแนวทางในการทำธุรกิจหรือพูดถึงสินค้าชิ้นล่าสุดของคุณ การเรียนรู้วิธีเขียนบล็อกสามารถเพิ่มคุณค่าให้แบรนด์ของคุณได้อย่างมหาศาล ในขณะเดียวกันยังเป็นการช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีจำนวนการค้นหาสูงขึ้นตามไปด้วย (บล็อกมีความสำคัญมากต่อ SEO)

4.พัฒนาการตลาดทางอีเมล
โดยเฉลี่ยแล้ว ในการตลาดทางอีเมล คุณจะได้เงินคืน 44 บาทจากการลงทุน 1 บาท หมายความว่าผลตอบแทนจากการลงทุนจะสูงถึง 4,400%

เพราะฉะนั้น คุณสามารถสร้างรายได้เป็นจำนวนมากและดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าของคุณได้จากการใช้อีเมลให้เป็นประโยชน์ แต่แนวทางการเขียนอีเมลที่ดีที่สุดคืออะไร?

เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณอีกครั้ง คุณควรตั้งค่าอีเมลตอบกลับอัตโนมัติเพื่อขอบคุณลูกค้าที่ติดตามหรือซื้อสินค้าของคุณเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกซาบซึ้ง ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีคนเปิดอ่าน Welcome Email ถึง 82%

หากคุณกำลังสร้างฐานรายชื่อผู้มุ่งหวัง (ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำ) นั่นเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดทางอีเมลที่สำคัญที่สุดที่คุณควรจะจดจำไว้ อัตราการเปิดอ่านอีเมลของคุณวัดจากจำนวนคนที่เปิดอ่านอีเมลของคุณเมื่อเทียบกับจำนวนคนที่ได้รับทั้งหมด ซึ่งอัตราการเปิดอ่านที่สูงเป็นตัวบ่งชี้ว่า
-ฐานรายชื่อมีการจัดกลุ่มอย่างเหมาะสม
-หัวเรื่องน่าดึงดูด
-ส่งในเวลาที่เหมาะสม

5.เห็นอกเห็นใจและเข้าถึงลูกค้าแบบส่วนตัว
การออกแบบโดยการเน้นย้ำเป็นการคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้เพื่อรักษาและพัฒนาสินค้าของคุณโดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งานในแง่ลบ

การทบทวนการเสนอสินค้า การกำหนดราคา หรือแม้แต่น้ำเสียงในการเสนอสินค้าของคุณนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพื่อไม่ให้แบรนด์ของคุณถูกมองว่าไร้อารมณ์ความในช่วงที่เกิดวิกฤตขึ้น เพราะนั่นแหละเป็นช่วงที่เราจะต้องแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อลูกค้าผ่านการคิดเชิงออกแบบเพื่อเข้าใจความรู้สึกของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

การทบทวนดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับการเข้าถึงลูกค้าอย่างเป็นส่วนตัว ซึ่งมีความสำคัญมากในการทำการตลาดดิจิทัลให้สำเร็จในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการตลาดทางอีเมล

การสร้าง Call to Action ที่มีความเป็นส่วนตัวจะเป็นการดึงดูดผู้ชมให้เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณเพื่ออ่านคำบรรยาย เลือกดูสินค้า และกดคลิกปุ่มต่างๆ ตามความสนใจของแต่ละคน ซึ่งจะช่วยกลุ่มผู้ชมที่จะเข้ามาเป็นลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งยังเป็นกลยุทธ์ในการเข้าถึงลูกค้าแต่ละคนที่มีประสิทธิภาพที่สุดและประหยัดต้นทุนมากที่สุดเนื่องจากแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลยหากคุณมีเครื่องมือการตลาดทางอีเมลอย่าง MailChimp อยู่แล้ว

6.ทำการตลาดแบบติดตาม
หากอัตราการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณเริ่มลดลง ลองสร้างกลุ่มผู้ชมแบบกำหนดเองด้วย Customer Match โดยใช้ข้อมูลที่กลุ่มเป้าหมายกับคุณมีร่วมกันผ่านการค้นหา จีเมล ยูทูบ หรือ Google Display Ads ดูสิ

คุณสามารถทำการตลาดเพื่อดึงดูดฐานลูกค้าเก่าและสร้างกลุ่มผู้ชมแบบกำหนดเองที่ดูเหมือนลูกค้าของคุณ หรือแม้กระทั่งกลุ่มผู้ชมที่จะติดตามแบรนด์ของคุณอย่างเหนียวแน่นและสม่ำเสมอ

คุณเคยลองค้นหาสินค้าทางออนไลน์และเจอโฆษณาสินค้านั้นบนเฟซบุ๊กหรือไม่? นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการทำการตลาดแบบติดตาม ซึ่งเป็นการตลาดดิจิทัลที่ใช้ “คุกกี้” เพื่อให้คุณสามารถติดตามผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณไม่ว่าเขาจะอยู่ในแพลตฟอร์มไหนบนโลกอินเตอร์เน็ตก็ตาม

การทำการตลาดแบบติดตามเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผล 43% ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ถูกติดตามมีแนวโน้มว่าจะมาซื้อสินค้าของคุณ นอกจากนี้คุณยังสามารถเริ่มต้นได้อย่างง่ายดายโดยมี 2 ทางเลือก

คุณยังสามารถใช้ฟีเจอร์ ‘Custom Audience’ ของเฟซบุ๊กเพื่อติดตามผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณทางเฟซบุ๊กได้อีกด้วย หากคุณมีบัญชี Facebook Business นี่ก็เป็นวิธีสร้างรายได้ทางโซเชียลมีเดียที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้

7.ออกแบบคอนเทนต์ให้เข้ากับแต่ละช่วงของลูกค้า
กระบวนการตัดสินใจของลูกค้ามีความแตกต่างในแต่ละขั้นตอน เพราะฉะนั้น คุณจำเป็นต้องสร้างคอนเทนต์ที่แตกต่างกันในแต่ละขั้นตอนเช่นกัน

ผู้ซื้อเป้าหมายจะต้องผ่านกระบวนการ 3 ขั้นตอนก่อนที่จะจ่ายเงิน ได้แก่ การตระหนักรู้ การพิจารณา และการตัดสินใจ สมมุติว่ามีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตรายหนึ่งกำลังค้นหานักออกแบบ web portal ในแต่ละขั้นตอน คุณจะต้องพาลูกค้าของคุณไปยังคอนเทนต์แต่ละประเภท ดังนี้

การตระหนักรู้: โฮมเพจร้านค้า web portal – เพื่อให้ข้อมูลธุรกิจของคุณในภาพรวม

การพิจารณา: หน้าหมวดหมู่สินค้า – เพื่ออธิบายความเชี่ยวชาญของคุณ
การตัดสินใจ: หน้าสินค้า – เพื่อช่วยลูกค้าตัดสินใจครั้งสุดท้าย

การนำทางผู้ใช้งานไปตามหน้าต่างๆ บนเว็บไซต์เป็นเรื่องสำคัญ คุณต้องพาพวกเขาไปให้เห็นคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการและขั้นตอนในกระบวนการซื้อในแต่ละขั้น

8.ทำการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก
ข้อมูลจาก eMarketer เผยว่ามีการใช้งานเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 70% ในเดือนมีนาคมเนื่องจากผู้คนต้องการความบันเทิง เชื่อมต่อ และได้รับข้อมูลข่าวสารขณะที่มีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น

แต่มีเพียงเพจธุรกิจบนเฟซบุ๊กเพียง 24% เท่านั้นที่ทำการโฆษณาแบบเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งส่งผลให้เกิดการแข่งขันในระดับที่ต่ำ นั่นเป็นเหตุผลที่คุณไม่สามารถมองข้ามเฟซบุ๊กได้เลยหากต้องการลงโฆษณาที่มีการต้องเสียค่าใช้จ่ายจากจำนวนคนที่คลิกโฆษาณาของคุณ

บริษัทส่วนใหญ่จะทำการโฆษณาแบบออร์แกนิค (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) บนเฟซบุ๊ก เช่น การทำวิดีโอ ภาพประกอบ และเขียนโพสต์ แต่คุณสามารถสร้างผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมโดยใช้เงินเพียงไม่กี่บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับโฆษณาบนเฟซบุ๊กต่อการคลิกหนึ่งครั้งจะอยู่ที่ 55.63 บาทโดยเฉลี่ย ในขณะที่ค่าใช้จ่ายสำหรับโฆษณาเมื่อมีคนดูโฆษณาของคุณ 1,000 คนอยู่ที่ 460 บาทโดยเฉลี่ย

นี่เป็นแนวทางการตลาดออนไลน์ที่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้องมากที่สุดของเรา ซึ่งคุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Facebook Ads Manager ได้หากคุณอยากรู้ว่ากำลังเสียเงินไปกับอะไรบ้าง

ธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่จะล้มเลิกความตั้งใจในการลงโฆษณาเฟซบุ๊กเร็วเกินไปเนื่องจากจ่ายเงินสำหรับโฆษณาไปเพียงนิดเดียวและไม่เห็นผลลัพธ์ที่เร็วทันใจมากพอ ซึ่งแคมเปญโฆษณาบนเฟซบุ๊กที่มีประสิทธิภาพจะต้องใช้เวลา แต่จะสร้างรายได้ให้คุณเป็นกอบเป็นกำ

9.รักษาความยืดหยุ่น
ความยืดหยุ่นกลายเป็นเรื่องท้าทายที่สำคัญสำหรับธุรกิจในยุคปัจจุบัน เนื่องจากตลาดกำลังเผชิญหน้ากับวงจรการเปลี่ยนแปลงที่สั้นลงเรื่องๆ สิ่งที่ฟังดูล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพในปัจจุบันอาจจะล้าสมัยได้ภายในเวลาอันสั้น เพื่อรักษาระดับทางการแข่งขันให้สูงอยู่เสมอ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องประเมินกลยุทธ์ทางธุรกิจของตนอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์ของตนทันสมัยและพร้อมปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

เช่น หากผู้ชมของคุณมีอายุระหว่าง 15-21 ปี คุณควรให้ความสำคัญกับการลงโฆษณาในแพลตฟอร์มที่คนกลุ่มนี้ใช้เป็นส่วนใหญ่ เช่น TikTok, Line หรือ Facebook และหากผู้ชมของคุณอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป คุณก็ควรให้ความสนใจกับการลงโฆษณาใน LinkedIn มากกว่า

การวิจัยทางการตลาดสามารถเพิ่มเงินปันผล คุณจึงควรใช้เวลาในการวิจัยกลุ่มผู้ชมเป้าอยู่ตลอดเวลาเพื่อเรียนรู้ช่องทางที่แต่ละกลุ่มใช้และเนื้อหาที่พวกเขาสนใจ และเพื่อไม่ให้ความพยายามในการทำการตลาดออนไลน์ของคุณต้องสูญเปล่า

10.ออกแบบภาพและวิดีโอคอนเทนต์อย่างสร้างสรรค์
ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบดูวิดีโอ ซึ่งคุณเองก็ต้องการให้ธุรกิจของคุณเติบโต จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่การผลิตวิดีโอทางการตลาดจะเป็นแนวทางที่เราชื่นชอบที่สุด!
การทำวิดีโอไม่จำเป็นต้องมีโปรดักชันหรูราเลย (และในบางสถานการณ์ก็ไม่สามารถมีได้) แต่วิดีโอจากผู้เชี่ยวชาญระดับวงในหรืออินฟลูเอนเซอร์ที่สาธิตวิธีการใช้สินค้าของคุณกับมือเองต่างหากที่จะได้ผลในระยะยาว

ในขณะที่หลายบริษัทกำลังมุ่งความสนใจไปที่การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เสมือนการจัดงานอีเวนต์แบบพบปะกันซึ่งหน้า การใช้วิดีโอเป็นแนวทางในการสร้างปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารกับลูกค้าเพื่อให้กลับมาซื้อสินค้าซ้ำนั้นเป็นวิธีทั่วไปที่สามารถสร้างโอกาสและรายได้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.